เทศน์เช้า วันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๘
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
อ้าว! ตั้งใจฟังธรรมะเนาะ เรามาวัด เรามาวัดเพื่อวัดหัวใจของเรา คนจะดีจะชั่วเขาวัดที่คุณงามความดี ที่หัวใจ ถ้าหัวใจมันมีคุณธรรม เขาเรียกว่า น้ำใจ คนมีน้ำใจอยู่ที่ไหนมีแต่คนรัก คนห่วง คนดูแล แต่จิตใจที่แข็งกระด้าง จิตใจที่แข็งกระด้าง ตัวเองมีความทุกข์ความยากในใจของตัวนะ ตัวเองมีความทุกข์ความยากในใจของตัวเพราะอะไร เพราะทุกข์ยากในหัวใจอยู่แล้วก็น้อยเนื้อต่ำใจ น้อยเนื้อต่ำใจว่าทำไมคนเขาไม่เกื้อกูล ทำไมไม่ดูแลเราเลย ทำไมไม่มีน้ำใจกับเราเลย
มีน้ำใจกับเรา เขามีน้ำใจไง ถ้าเรามีน้ำใจกับเขา เขาก็มีน้ำใจกับเรา เราไม่มีน้ำใจต่อใคร ใครก็ไม่มีน้ำใจกับเราหรอก นี่คือพูดถึงน้ำใจนะ นี่พูดถึงเวลามีน้ำใจ ฟังธรรมๆ เพื่อเหตุนี้ไง ฟังธรรมเพื่อเหตุนี้ ค่าของน้ำใจมันมีค่ามาก ดูสิ ข้าวของเงินทองมันมีค่าของมันในตัวของมัน ข้าวของเงินทองเราปฏิเสธไม่ได้หรอกว่ามันไม่มีค่า มันมีค่า เราแสวงหามานี้ก็แสวงหามาเพื่อความมั่นคงของชีวิตไง เพราะเรามีปัจจัย เราเงินทอง เราแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งใดก็ได้เพื่อความมั่นคงของชีวิตใช่ไหม เราแสวงหาสิ่งนี้มาเพื่อความมั่นคงของชีวิต เราคิดว่ามันเป็นความมั่นคง แต่เวลามันให้ความสุขความทุกข์ล่ะ
คนที่มีน้ำใจๆ เขาเสียสละของเขาออกไป เขาสร้างอำนาจวาสนาบารมีของเขา คนทุกข์คนยาก คนทุกข์คนยากแสวงหามาเพื่อเป็นปัจจัยเครื่องอาศัยดำรงชีวิตก็หาได้ยากอยู่แล้ว แล้วเราจะเอาอะไรไปเสียสละให้น้ำใจคนอื่นล่ะ น้ำใจคนอื่นมันไม่ต้องเสียสละอย่างนั้น ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่าเวลาเดินสวนทางกัน หลบให้เขา การหลบให้เขานั่นคือให้ทาง การให้ทางนั่นคือบุญ การหลบให้เขา เรามีน้ำใจต่อเขา เดินสวนกัน เราหลบให้เขา ให้เขาไปก่อน นี่ก็คือบุญแล้ว น้ำใจมันไม่ต้องแสวงหาด้วยวัตถุหรอก น้ำใจมันแสวงหาด้วยการแสดงออก เราแสดงออกด้วยน้ำใจของเรา
ดูสิ เวลาเราเห็นใครเขามีน้ำใจต่อเรา มันอบอุ่น คำว่า อบอุ่น เวลาเรามีความรู้สึกนึกคิด ถ้ารู้สึกนึกคิด ถ้าสัจธรรมๆ เป็นอย่างนี้ ถ้าสัจธรรมเป็นอย่างนี้ เป็นอย่างนี้เพื่ออะไร? เพื่อดูแลรักษาใจของเรานะ ดูแลรักษาใจของเรา เวลาเราศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โลกียปัญญา ศึกษามาด้วยสัญญา ด้วยความจำ ด้วยสัญชาตญาณของมนุษย์ เวลาเราจะประพฤติปฏิบัติธรรมขึ้นมา เราทำพุทโธๆ ใช้ปัญญาอบรมสมาธิให้จิตสงบเข้ามา ถ้าจิตสงบเข้ามา มันเข้าไปสู่สัจธรรม เข้าไปสู่ เห็นไหม ทวนกระแสกลับเข้าไป ถ้าทวนกระแสกลับเข้าไป มันเข้าไปเห็นใจของเรา
แต่โดยสัญชาตญาณของมนุษย์ไง เรามีความรู้สึกนึกคิด เราก็ว่าความคิด แล้วเราไปศึกษาธรรมะ เราว่าสิ่งนี้เป็นธรรมๆ ดูสิ เวลาคนเราถ้ามีความทุกข์ความยากในหัวใจขึ้นมา มันบีบคั้นในหัวใจ มันมีความทุกข์ความยากมาก
แต่ถ้าคนมีสติปัญญา สิ่งนี้เป็นอนิจจัง ความคิดเรามันเกิดมาแล้ว ถ้าเรามีสติสัมปชัญญะอดทน เดี๋ยวความคิดมันก็จะจางออกไป ถ้ามีความอดทน สิ่งที่เรามีสติปัญญา มีปัญญาอบรมสมาธิไล่ตามเข้าไป ความคิดมันมาจากไหนล่ะ ความคิดมันเป็นนามธรรม สิ่งที่เป็นนามธรรมมันควรจะไม่มี มันเป็นนามธรรม มันไม่ใช่รูปธรรม แล้วมันมาจากไหน มันมาจากไหนล่ะ ทำไมเราไปคุ้ยมันขึ้นมาล่ะ
สิ่งนี้ถ้าเรามีสติปัญญา เราจะไม่คุ้ยมันขึ้นมา เพราะอะไร เพราะมันมีที่มาที่ไปไง ถ้ามันไม่มีที่มาที่ไป ดูสิ ทางวิทยาศาสตร์เขาพิสูจน์ได้โดยทฤษฎี เวลาพูดถึงทฤษฎี วิทยาศาสตร์ต้องยอมรับกันหมด นี่ผู้ที่ปฏิบัติธรรมๆ ถ้าเขาไปเห็นอาการของใจ เขาเห็นความรู้สึกนึกคิด มันเป็นวิทยาศาสตร์ มันเป็นพุทธศาสน์ มันเป็นสิ่งที่จับต้องได้ ถ้ามันจับต้องไม่ได้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะบอกไว้ทำไมธาตุ ๔ และขันธ์ ๕ คนเราเกิดมามีธาตุ ๔ และขันธ์ ๕ คนเราเกิดมามีขันธ์ ๕ คือความรู้สึกนึกคิด มีธาตุ ๔ ก็มีประจำของเราอยู่ ถ้ามันมีสติปัญญา มันบรรเทาทุกข์ไง มันบรรเทาทุกข์ได้ คนที่มีคุณธรรมในใจมันบรรเทาได้นะ
ดูสิ เมื่อ ๒ วันนี้ข่าวออก เขาฆ่าตัวตาย เขาเขียนสั่งลาไว้ พอกันทีความเป็นมนุษย์ เขาทนไม่ไหว พอกันทีกับความเป็นมนุษย์ แล้วเขาก็ทำลายตัวเขา พอกันทีความเป็นมนุษย์ พอกันทีเพราะว่า ทั้งๆ ที่ว่าทางชีวิตเขานะ เขาไม่มีครอบครัว ในข่าวเขาไม่มีครอบครัว แล้วทางเศรษฐกิจเขาก็มั่นคงของเขา แล้วทำไมเขาทำลายตัวเองล่ะ
เขามีคนใช้ คนใช้ออกไปนอกบ้าน กลับเข้ามา เขานั่งอยู่บนโซฟาเป็นศพไปแล้ว เขียนหนังสือไว้ พอกันทีสำหรับความเป็นมนุษย์
แต่สำหรับเรานะ ดูสิ เวลาคนอายุยืน เราชื่นชมกัน เขาอายุ ๑๐๐ ปี ๑๒๐ ปี เราชื่นชมความเป็นอยู่ของเขา เราชื่นชมเพราะอะไร เพราะเขารักษาสุขภาพของเขา แล้วสุขภาพจิตของเขาก็ดี คนที่มีอายุยืนๆ เขาถามว่าทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะ กินอะไรล่ะ? กินผักตามริมรั้วนี่แหละ กินผัก กินหญ้านี่แหละ ทำอะไร ทำสุขภาพจิตให้ดี ไม่คิดสิ่งใดที่ไม่ดี สุขภาพจิตเขาดี นี่สุขภาพจิตที่ดี ถ้าสุขภาพจิตที่ดีนะ
เราจะบอกว่าความเป็นมนุษย์ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกไว้เลยว่าเป็นอริยทรัพย์ สัจจะ ความเกิดเป็นมนุษย์นี้เป็นอริยทรัพย์ ทรัพย์อันนี้เพราะอะไร เพราะมนุษย์มันมีคุณธรรมสูงนะ คุณธรรมสูง มนุษย์ถ้าเรามองทางลบ มนุษย์ไม่เหมือนเทวดา เทวดา ร่างเขาเป็นทิพย์ ร่างเขาเป็นทิพย์ เขาอิ่มทิพย์ของเขา เขานึกเป็นวิญญาณาหาร เขานึกอย่างไรเขาก็ประสบความสำเร็จของเขาตลอด เขาสมบูรณ์ของเขา เว้นไว้แต่เวลาเขาจะหมดอายุขัย พอหมดอายุขัย เรื่องความเป็นทิพย์มันจะจางลงๆ แสงจะเบาลงจนไม่มีอาหาร จนต้องตาย นี่พูดถึงเทวดานะ
แต่เวลาเราเป็นมนุษย์ เราเป็นมนุษย์มันมีร่างกาย ร่างกายนี้มันต้องมีอาหาร ตั้งแต่เด็ก เด็กเราเลี้ยงตามตำราเลยนะ เราจะดูแลมันขึ้นมาให้สมบูรณ์ ให้สุขภาพดี ให้สุขภาพจิตดีทุกอย่าง ดีทั้งหมด นี่เราเลี้ยงตามตำราขึ้นมาเลย เพราะอะไร เพราะมนุษย์ ร่างกายนี้มันต้องการอาหาร ถ้าพูดถึงคนเศรษฐกิจดี ร่างกายนี้ก็เจริญเติบโตก็เป็นคนดี ถ้าคนเศรษฐกิจไม่ดีมันก็ทุกข์ยาก
นี่ก็เหมือนกัน เวลาว่ามนุษย์ ถ้าเรามีสติปัญญา ร่างกายมันจะเตือน มันจะเตือนว่าหิวอีกแล้วนะ รีบหาอาหารมาใส่ปากนะ ง่วงแล้วนะ ต้องนอน นี่ไง มันแสดงให้เห็นว่าร่างกายมันเตือนไง มันเตือนไง เวลาคนตายไปเป็นยมบาล เขาบอกว่ารู้จักธรรมไหม? ไม่รู้ ไม่รู้จักธรรมหรอก แล้วเห็นคนเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนตายไหม? เห็น นั่นแหละคือธรรม
นี่ก็เหมือนกัน การหิวการกระหายมันเตือนเราตลอด เกิดเป็นมนุษย์มีศักยภาพตรงนี้ไง แต่เวลาทางโลกเราบอก อ้าว! เราก็ต้องแสวงหาปัจจัยเครื่องอาศัยเพื่อความดำรงของชีวิต เราแสวงหา
ไปดูคลังสินค้าสิ ไปดูคลังสินค้ามันล้นอยู่นั่นน่ะ คลังสินค้านี้สินค้ามหาศาลเลย เขารอคนมาซื้อ แต่เวลาเราขาดแคลน เราจะบอกว่าอริยทรัพย์ๆ ร่างกายมันบีบคั้น มันบีบคั้นให้เราได้สติปัญญา ได้สติปัญญาว่าถ้าเราจะพ้นจากการบีบคั้นนี้เราจะทำอย่างไร ถ้าเราจะพ้นจากการบีบคั้นนี้ ที่เกิดเป็นมนุษย์มันเป็นอริยทรัพย์ ตรงนี้มันเตือนตลอด เตือนให้คนได้คิด เตือนให้คนได้แสวงหา เตือนให้คนได้ประพฤติปฏิบัติไง ถ้าประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เราประพฤติปฏิบัติ เอาอะไรประพฤติปฏิบัติ
เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา ร่างกายนี้เดิน แต่ความจริงแล้วเราเดินเพื่อหาหัวใจของเราไง ถ้าเราหาหัวใจของเรา ดูสิ เวลาเขาเจ็บช้ำน้ำใจของเขา พอกันทีสำหรับความเป็นมนุษย์ แล้วเอ็งตายแล้วเอ็งไปไหนล่ะ เอ็งทำลายชีวิตนี้เพื่อพ้นจากความเป็นมนุษย์ แล้วจิตมันทำลายไหมล่ะ จิตมันไปอยู่ที่ไหนล่ะ
ถ้ามันไปอยู่ในสัมภเวสีนะ มันไปอยู่ที่ขยับไม่ได้นะ ไปไหนไม่ได้ แสวงหาที่อยู่อย่างนั้น แล้วขาดแคลนอาหาร มันจะทุกข์ขนาดไหน เวลาเราไปที่มันขาดแคลนทุกอย่างเลย แล้วเราต้องจำเป็นอย่างนี้ แล้วชีวิตนี้มันต้องอยู่อย่างนั้นเลย อยู่อย่างนั้นแหละ จนกว่าจะหมดอายุขัยของมัน เราจะเกิดภพชาติใด อยู่ในสถานะใด มันก็ต้องเป็นผลของวัฏฏะ มันต้องหมดอายุขัยของมัน มันต้องเวียนไปเป็นวัฏฏะอยู่อย่างนี้ นี่ผลของวัฏฏะๆ การทำความดี ความชั่วไง
แต่ถ้าเรามีสติปัญญาของเรา เราภาวนาของเรา ชีวิตนี้มันเป็นแบบนี้ ถ้ามันทุกข์มันยาก มันทุกข์ยากเพราะกิเลสมันบีบคั้น เพราะปัจจัยเครื่องอาศัยเราก็มีของเรา ทุกอย่างเราก็มีของเรา ปัจจัยเครื่องอาศัย ถ้าทุกข์จนเข็ญใจนะ เข้าวัด อย่างน้อยก็มีปัจจัยให้อยู่อาศัย เรื่องปัจจัยมีอยู่แล้วแหละ แต่หัวใจมันไม่ยอมรับ หัวใจนี้มันจะอหังการ หัวใจนี้มันต้องการให้คนยอมจำนนต่อมันไง กิเลสมันจะขี่บนหัวคนไง
แต่ถ้ามันเป็นธรรมะๆ ธรรมะอ่อนโยน มีน้ำใจ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์นะ คนจะมีทิฏฐิมานะมาขนาดไหน มาระบายใส่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ารับได้ทั้งนั้นแหละ แล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้อุบาย คนที่มาระบายใส่ได้คิด
เวลาชื่นชมองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเปรียบเสมือนหงายของที่มันคว่ำอยู่ให้มันหงายขึ้น หัวใจที่กิเลสตัณหาความทะยานอยากมันบีบคั้น มันคว่ำอยู่ มันไม่รับฟังเหตุผลของใครเลย มันเอาแต่ความเห็นของมัน แล้วมันก็คิดอยู่คนเดียวของมันว่ามันมีสติมีปัญญาของมัน มันไม่เคยฟังเหตุผลของใครทั้งสิ้น
แต่ถ้าคนมีสติปัญญามันฟังเหตุผลต่าง ความเห็นต่าง ชีวิตเป็นอย่างนี้หรือ เวลาเกิดมา เราเกิดมาทุกข์จนเข็ญใจขนาดไหนก็แล้วแต่ แต่เรามีหัวใจเหมือนกัน คนเราเกิดมามีค่าเท่ากัน มีกายกับใจเหมือนกันไง ถ้ามีกายกับใจเหมือนกัน คนทุกข์คนจนก็ภาวนาได้ คนร่ำคนรวยก็ภาวนาได้ คนจะมีศักยภาพขนาดไหนก็ภาวนาได้ ทำได้ทั้งนั้นแหละเพราะมีหัวใจเหมือนกัน มีความรู้สึกเหมือนกัน แต่ไอ้คุณภาพชีวิตๆ อันนั้นมันอีกเรื่องหนึ่ง คุณภาพชีวิต เห็นไหม ดูสิ พระอรหันต์ในสมัยพุทธกาล พระสีวลีร่ำรวยมหาศาล ทุคตะเข็ญใจมาบวชเป็นพระอรหันต์ขึ้นมา ไม่เคยฉันอาหารอิ่มเลย
ถ้าเป็นพระอรหันต์เหมือนกัน พอเป็นพระอรหันต์ก็สิ้นจากทุกข์เหมือนกัน สิ้นจากทุกข์ที่นี่ เห็นไหม เราจะไม่เอาสิ่งนั้นมาวัดกัน เขาว่าแข่งอำนาจวาสนาแข่งกันไม่ได้ไง อำนาจวาสนาแข่งกันไม่ได้ แต่มันแข่งกันด้วยสติปัญญา แข่งกันด้วยความเพียร แข่งกันด้วยการกระทำ เราจะแข่งกับเขา เราจะแข่งกับเขาเพราะเรามีสติปัญญาของเราไง แต่มันทำไม่ได้ๆ มันน้อยเนื้อต่ำใจไง มันต้องให้เสมอกัน เสมอกัน เห็นไหม ดูสิ มาบวชพระ จะเศรษฐีกุฎุมพี จะทุกข์จนเข็ญใจบวชพระแล้วเป็นพระเท่ากัน ศีล ๒๒๗ เหมือนกัน นี่ไง เสมอกันไง เสมอกันโดยสมมุติสงฆ์นี่ไง แต่เวลาประพฤติปฏิบัติเข้าไปแล้วได้ศีล สมาธิ ปัญญาหรือไม่ ถ้าได้ศีล สมาธิ ปัญญา ครูบาอาจารย์ท่านเทียบเคียงได้ไง นี่สมบัติในหัวใจของเราไง
เขาไปเห็นค่าความเป็นมนุษย์ ค่าทางวิทยาศาสตร์ไง แล้วเขาพอกันที เขาทำลายชีวิตของเขาไปแล้วมันจะพ้นไปไหน มันไม่พ้นไปไหนหรอก มันต้องสร้างเวรสร้างกรรมขึ้นไป เพราะอะไร เพราะว่าเราลักของคนอื่น ของคนอื่นเราลักมา เราลักของเขา เราลักของของเราเองไง นี่ก็เหมือนกัน ทำลายคนอื่นมามันก็เป็นโทษอย่างหนึ่ง ทำลายตัวเองมีโทษมากกว่าในพระพุทธศาสนา เพราะว่าขนาดตัวเองเอ็งยังไม่รักขนาดนี้ เอ็งทำลายตัวเองได้อย่างไร
แต่เวลาทำลายกิเลส ทำลายกิเลสเพราะกิเลสเป็นตัณหาความทะยานอยาก เวลามันพลิก เวลากิเลสมันพลิกขึ้นมา มันคิดขึ้นมา มันน้อยเนื้อต่ำใจ มันทำลายตัวเองเลย แต่ถ้าพลิกเป็นธรรม การเกิดมานี้เป็นอริยทรัพย์ เป็นอริยทรัพย์ มนุษย์มีสมอง สัตว์เดรัจฉานปฏิบัติธรรมถึงสิ้นสุดแห่งทุกข์ไม่ได้ แต่สัตว์เดรัจฉานทำคุณงามความดีได้ มีมนุษย์เท่านั้นกับเทวดา อินทร์ พรหมที่สามารถที่จะชำระซึ่งกิเลสได้ ถ้าชำระกิเลสได้ เรามีศักยภาพขนาดนั้น ดูสิ เวลาทำงาน อยากสมัครงาน ตำแหน่งหน้าที่การงาน ถ้ามีตำแหน่งหน้าที่การงาน มีโอกาสได้ทำงาน
นี่ก็เหมือนกัน ความเป็นมนุษย์ สัตว์ประเสริฐๆ มันมีโอกาส ทำไมไม่ทำล่ะ นี่ไง อริยทรัพย์ของเราเอง แล้วเราทำลายมันซะ เราทำลายอริยทรัพย์ ทำลายโอกาสของเรา โอกาสของเราอยู่นี่ ครูบาอาจารย์ที่มีครูบาอาจารย์ท่านคอยตอกย้ำตรงนี้ คอยตอกย้ำให้เรามีสติมีปัญญาขึ้นมา เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนาให้มีสติ ถ้าเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนาไม่มีสติ มันสักแต่ว่าทำ มันสักแต่ว่าทำ ทำก็ต้องทำให้เป็นจริงเป็นจังขึ้นมา ครูบาอาจารย์ท่านจะคอยเตือนเลย เวลาเดินไปไหน การเหยียดการคู้ต้องให้มีสติสัมปชัญญะ อย่าให้เป็นซากศพเดินได้
ท่านเปรียบเหมือนคนมีชีวิตไม่มีสติ เหมือนซากศพเดินได้ ซากศพเดินได้เพราะมันมีจิตวิญญาณอยู่ไง แต่ถ้ามีสติกลับมาปั๊บ จิตวิญญาณมีค่าเลย มีค่าเพราะว่ากำหนดอานาปานสติ จิตกำหนดมันถึงเป็นอานาปานสติ คนเรามีลมหายใจเข้าและลมหายใจออกโดยธรรมชาติ แต่คนที่ไม่กำหนด ลมหายใจนั้นก็ไม่เป็นอานาปานสติ มันเป็นการสูดลมหายใจเพื่อดำรงชีวิต แต่ถ้ามีสติจับลมหายใจเท่านั้นแหละ กลายเป็นอานาปานสติเลย จิตกำหนดพุทโธๆๆ กลายเป็นพุทธานุสติเลย จิตเท่านั้น ถ้าจิตกำหนด จิตรู้ทัน มันเป็นกรรมฐาน มันเป็นการปฏิบัติขึ้นมาทันทีเลย
แต่ถ้าเรามีจิตไม่กำหนด จิตไม่กำหนด เราก็มีลมหายใจอยู่ เราก็เดินอยู่ทั้งวัน เราก็เดินไปเดินมาอยู่นี่ แต่เราไม่มีจิตกำหนด มันเป็นประโยชน์กับใครล่ะ ก็เดินการเคลื่อนไหว เดินเพื่อเปลี่ยนตำแหน่ง แต่ถ้ามีสติขึ้นมา มีจิตกำหนดปั๊บ เดินจงกรมก็เป็นพุทธานุสติ พุทโธๆๆ เป็นพุทธานุสติ กำหนดลมหายใจก็เป็นอานาปานสติ กำหนดความตายก็เป็นมรณานุสติ สติกลับมามันเป็นประโยชน์ นี่ใจมีค่า มีค่าอย่างนี้ไง ใจมีคุณค่ามาก แล้วเราปฏิบัติเราก็ปฏิบัติเพื่อหาหัวใจของเราไง
มาวัดมาวาเขามาวัดกันที่นี่ มาวัดคุณสมบัติ วัดค่าหัวใจของเรา ถ้าค่าหัวใจของเราเป็นสมบัติของเรา มันจะเป็นสมบัติของเรา แล้วเราจะเห็นคุณค่าของชีวิตเลย เพราะเราเป็นคนทำ ไม่มีจิตก็ไม่มีใครทำ มีจิตไม่ทำ เขาก็ไม่ได้ของเขา แต่เรามีแล้วเราทำลายเสีย เพราะด้วยกิเลสมันปิดหูปิดตา ทำลายซะ พอกันทีสำหรับความเป็นมนุษย์ แล้วก็ทำร้ายตัวเองไป คิดว่าหมดจากความเป็นมนุษย์แล้วมันจะไปไหนล่ะ
แต่เราบอกว่าความเป็นมนุษย์ เราเกิดมาในสถานะความเป็นมนุษย์เป็นอริยทรัพย์ เราต้องใช้ชีวิตนี้ให้มีคุณค่า ชีวิตทางโลกเราทำเพื่อประโยชน์ เราทำประโยชน์กับสังคม ประโยชน์กับชาติตระกูลของเรา เราทำประโยชน์เพื่อตัวเรา แล้วเรายังภาวนาขึ้นมาอีก ภาวนาขึ้นมาให้หัวใจเรา เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วให้มันเสริมสภาพ เสริมคุณค่าของมันขึ้นมา มนุสสติรัจฉาโน คือทำตัวเหมือนเลวทราม มนุสสเทโว เป็นมนุษย์แท้ๆ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกเป็นเทวดา มนุสสเทโว แล้วถ้าเราทำใจของเราให้หมดสิ้นกิเลสไปล่ะ มันจะมีคุณค่าแค่ไหน มันจะเห็นคุณค่ามาก มันเห็นคุณค่าเรื่องนามธรรม เรื่องจิตใจ แต่พูดทางโลกไปเขาเรียกว่าดัดจริต อะไรก็นามธรรม อะไรก็หัวใจๆ เห็นแสวงหาแต่ทรัพย์ของคนอื่น
อันนั้นอยู่ที่หัวใจสูง-หัวใจต่ำ หัวใจสูงเขาจะเห็นว่ามันมีคุณค่า ถ้าหัวใจต่ำมันก็เห็นแค่นั้นแหละ หัวใจต่ำมันจะมองของต่ำๆ หัวใจที่สูงเขาจะมองของที่สูงๆ ถ้าของที่สูงๆ เพื่อประโยชน์กับชีวิตนี้ เรารักษาคุณค่าความเกิดมาเป็นมนุษย์ของเรา มันมีค่ามากๆ เว้นแต่ว่าเวลามันตายไปแล้ว ทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ ซากศพนั้นเขาก็เอาไปทิ้ง แต่หัวใจยังทำได้ แล้วจะเป็นประโยชน์กับเรา เอวัง